แชร์

รู้ได้อย่างไรว่าเรามีภูมิแพ้​อาหารแบบแอบแฝงหรือไม่

อัพเดทล่าสุด: 28 ต.ค. 2025

 

หลายครั้งเราอาจเคยเห็นใครสักคนมีอาการคันรอบปากหลังทานอาหารบางอย่างเข้าไปทันทีหรือภายใน1ชั่วโมง บางคนอาจมีอาการอาเจียน หายใจไม่ออก และถ้าเผลอทานเข้าไปเยอะๆ อาจทำให้ระบบหายใจล้มเหลวจนเสียชีวิตได้ ซึ่งปฏิกิริยานี้คือ ระบบภูมิต้านทาน (ปกติจะทำหน้าที่ต่อสู้กับเชื้อโรค)สร้างภูมิหรือแอนติบอดี้ (antibody ชนิด IgE) ออกมาเพื่อทำหน้าที่ต่อสู้กับอาหารที่เป็นตัวก่อให้เกิดภูมิแพ้ (อาหารที่กินเข้าไปนั้น จะทำหน้าที่เป็น allergen หรือสารก่อภูมิแพ้ในบางคน) หลังจากนั้น ร่างกายจะปล่อยสารเคมีออกมาหลายตัว รวมทั้งสารตัวหนึ่งชื่อ histamineกระตุ้นให้เกิดอาการผิดปกติต่อทางเดินหายใจ กระเพาะ และลำไส้ ผิวหนัง ระบบเส้นเลือด และหัวใจ ซึ่งอาการเหล่านั้น ได้แก่ น้ำมูกไหล เสียวที่ลิ้น ริมฝีปาก ปวดท้อง หายใจลำบาก เวลาหายใจมีเสียงดัง แต่ในรายที่มีปฏิกิริยาที่รุนแรง เรียกว่า anaphylaxis ซึ่งสามารถทำอันตรายต่อชีวิตได้ เพราะมีอาการบวมที่บริเวณทางเดินหายใจจนทำให้หายใจลำบาก ความดันโลหิตลดลงหมดความรู้สึกจนเสียชีวิต

จากสถิติที่พบ  อาหารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้กะทันหันได้แก่ นม ไข่ ถั่วลิสง ถั่วเหลือง ข้าวสาลี วอลนัต เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ปลาและกุ้ง

หลายคนเกิดความสับสนระหว่างภูมิแพ้อาหารแบบปกติ( food allergy) และ ปฏิกิริยาอาหารแบบแฝง หรือ ภูมิแพ้อาหารแบบแฝง (Hidden food reaction Hidden food allergies , Delay food sensitivities, Food intolerance or Delayed type food reaction)

อาการของปฏิกิริยาอาหารแบบแฝงามารถทำให้เกิดอาการแสบท้อง (burning) อาหารไม่ย่อย (indigestion) มีลมในท้อง (gas) ถ่ายเหลว (loose stools) ปวดศีรษะ (headache) และมีความเครียดโดยไม่รู้ตัวซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับภูมิต้านทานแบบกะทันหันเลย(IgE) แต่เกิดจากร่างกายแอบสร้างแอนติบอดี้ชนิด IgG ขึ้นมาภายใน 2อาทิตย์หรือภายใน 1 เดือนที่เราทานอาหารเหล่านั้นไป และมักเกี่ยวของกับภาวะ Leaky gut ซึ่งจะยังไม่แสดงอาการผิดปกติในทันที โดยส่วนใหญ่มักจะเกิดอาการภายใน 72 ชั่วโมง แอนติบอดี้ชนิด IgG ที่ร่างกายสร้างขึ้นมา เมื่อเจอกับแอนติเจนของอาหารที่ร่างกายที่มีปฏิกิริยาด้วย จะจับกับแอนติเจนกับอาหารและก่อกระบวนการอักเสบโดยเริ่มที่ระบบทางเดินอาหาร ถ้ามีปริมาณมากจะล่องลอยไปในกระแสเลือดและไปสะสมตามเนื้อเยื่อต่างๆจะค่อยๆก่อให้เกิดการอักเสบในเนื้อเยื่อ เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป ตราบเท่าที่เรายังบริโภคอาหารที่ร่างกายต่อต้าน นานเข้าจะทำให้เนื้อเยื่อภายในถูกทำลายมากขึ้น จนอาจเป็นเบื้องหลังของอาการน่ากวนใจ เช่น ท้องอืด ท้องผูก ปวดท้องโดยไม่มีสาเหตุแน่ชัด ท้องเสีย ลำไส้แปรปรวน ปวดหัวเรื้อรัง ไมเกรน จาม หอบหืด คัดจมูก ครั่นเนื้อครั่นตัว ขอบตาดำหรือมีถุงใต้ตา และมีอาการทางอักเสบผิวหนังบางอย่างเช่น สิว ลมพิษ ผื่นคัน ผิวบวมน้ำ และอาจเกี่ยวข้องกับภาวะโรคภูมิทำลายตัวเองหลายชนิดโรค celiac disease โรค crohns disease เป็นต้น

 ในปัจจุบันเราสามารถตรวจปฏิกิริยาอาหารแบบแฝงได้ง่ายขึ้นและสะดวกโดยสามารถตรวจหา IgG ในอาหารได้มากกว่า 132 ชนิด ครอบคลุมอาหารในกลุ่มหลัก ๆ เช่น กลุ่มผลิตภัณฑ์จากนม ไข่ ธัญพืชกลุ่มมีกลูเตนและกลุ่มไม่มีกลูเตน ผัก ผลไม้ ข้าวสาลี ปลา อาหารทะเล เนื้อสัตว์ สมุนไพรและเครื่องเทศ ถั่วและพืชเมล็ด รวมทั้งสารกันเสียในอาหาร

หลังจากได้รับผลการทดสอบแล้ว แพทย์จะนำผลที่ได้มาปรับใช้กับคนไข้เพื่อเลือกกินอาหารที่เหมาะสมและ ลดอาหารที่ส่งเสริมอาการในระยะยาว ซึ่งพบว่าผู้ที่มีอาการดังกล่าวจากปฏิกิริยาอาหารแบบแฝงมีอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อหยุดอาหารที่ร่างกายต่อต้านไประยะหนึ่ง เพราะสุขภาพที่ดี ควรเริ่มต้นดูและหาสาเหตุจากภายใน   

 


บทความที่เกี่ยวข้อง
ผลกระทบปฏิกิริยาต่ออาหารแบบแฝงกับเด็กๆ
ปฏิกิริยาต่ออาหารแบบแฝง (Hidden food reaction) เป็นสาเหตุของการเกิดภาวะอักเสบอย่างเรื้อรังที่เซลล์ของลำไส้ ทำให้เอนไซม์ที่ใช้ในการย่อยอาหารผลิตออกมาได้น้อยลง
19 ต.ค. 2025
ภูมิแพ้อาหารแฝง ก่อปัญหาสุขภาพอะไรได้บ้าง
เชื่อว่าหลายท่านอาจเคยได้ยินเรื่อง ภูมิแพ้อาหารแฝง กันมาบ้าง วันนี้เรามาทำความรู้จักภาวะนี้กันให้มากขึ้นกันนะคะ
19 ต.ค. 2025
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy