แชร์

วิตามิน D มีความสำคัญกว่าที่คิด

อัพเดทล่าสุด: 9 ธ.ค. 2025

คนส่วนใหญ่จะรู้จักและคุ้นเคยกับวิตามิน C, A หรือ E แต่ทราบหรือไม่ว่า Vitamin D ก็มีความสำคัญต่อร่างกายมากๆ เช่นกันนะคะ

️Vitamin D (Calciferol) ประกอบด้วยกลุ่มของเซโคสเตอรอลที่ละลายในไขมัน โดยมี 2 รูปแบบหลักๆ คือ
️วิตามิน D2 (Ergocalciferol) พบในพืชและยีสต์ ร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์เองได้
️วิตามิน D3 (Cholecalciferol) พบในน้ำมันตับปลาและไข่แดง และร่างกายสามารถสังเคราะห์ได้ที่ผิวหนัง

วิตามินดีทั้ง 2 ชนิดเมื่ออยู่ในร่างกายจะยังไม่ออกฤทธิ์จนกว่าจะผ่านกระบวนการแปลงให้เป็น active form ที่ตับและไต

‍️ หน้าที่ของวิตามิน D

️ ช่วยการดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัสในลำไส้
️ ช่วยนำแคลเซี่ยมมาใช้ในการสร้างกระดูกและฟัน
️ ทำให้กระดูกแข็งแรง ช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน
️ กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ลดความเสี่ยงการติดเชื้อ
️ ปรับสมดุลของระบบภูมิคุ้มกัน ลดการเกิด Autoimmune disease
️ ช่วยการทำงานของฮอร์โมนบางชนิด
️ ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
️ ช่วยควบคุมความดันและลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจ
️ ลดความเสี่ยงมะเร็งบางชนิด
️ กระตุ้นการหลั่งสารเซโนโทนินในสมอง ช่วยการนอนหลับ ลดความเครียด ลดภาวะซึมเศร้า

‍️ ใครบ้างที่เสี่ยงภาวะขาดวิตามิน D ?

️ คนสูงอายุ (ประสิทธิภาพในการสังเคราะห์วิตามินลดลง)
️ คนที่มีโรคตับ โรคไต (แหล่งสังเคราะห์หลักมีปัญหาทำให้ผลิตไม่พอ)
️ คนที่เป็นโรคเบาหวาน
️ คนที่น้ำหนักตัวเกิน
️ คนที่ไม่ค่อยสัมผัสแสงแดด
️ คนที่เป็นมังสวิรัติ ไม่กินไข่ เนื้อปลา

ดังนั้น ผู้ที่มีแนวโน้มวิตามิน D ต่ำหรือกังวล จึงควรตรวจระดับวิตามิน D ในเลือด ซึ่งเป็นวิธีการตรวจที่ง่าย รวดเร็วและแม่นยำ

‍️ ภาวะวิตามิน D ต่ำ สามารถการรักษาได้ ด้วยการให้วิตามิน D ในรูปอาหารเสริมที่ปรับปริมาณเฉพาะบุคคล (Customized supplement) โดยมีทั้งชนิดรับประทานหรือชนิดฉีด ขึ้นกับความจำเป็นของแต่ละบุคคล ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้เลือกให้ตามความเหมาะสม วิธีนี้ทำให้การรักษามีประสิทธิภาพมากกว่าเมื่อเทียบกับการซื้อวิตามินมารับประทานเอง

นอกจากนี้ ควรหาเวลาออกไปสัมผัสแสงแดด วันละ 10-15 นาที เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายสังเคราะห์วิตามิน D ได้เองตามธรรมชาติด้วยนะคะ

*** บทความนี้เป็นลิขสิทธิ์ของบจก. เอ็ม.ดี. เฮลท์ แอนด์ บิวตี้ ห้ามนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์โดยไม่ได้รับอนุญาต

Tags :